วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

แจ้งข่าว

ศูนย์วัณโรค ขอนแก่น(หลัง บขส.ขอนแก่น)จะทำการยุติการให้บริการตรวจเสมหะเพื่อหาเชื้อวัณโรคในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2553 เป็นต้นไป
จึงแจ้งข่าวให้ผู้ที่ต้องการตรวจเสมหะเพื่อหาเชื้อวัณโรค ให้ไปใช้บริการที่โรงพยาบาลใกล้บ้านนับตั้งแต่วันที่ดังกล่าว

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

Update ผลการประเมินสไลด์การตรวจเสมหะภายใต้กล้องจุลทรรศน์ของโรงพยาบาลในเขตรับผิดชอบของ สคร6 ขอนแก่น (24/9/2553)

สรุปเสร็จเมื่อไหร่จะนำมา Update น่ะครับ ตอนนี้จังหวัดไหนได้ผลอย่างไรเชิญชมกันเลยน่ะครับ



วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ผู้ป่วยวัณโรค แร็พ ฮิตสนั่น

นายคริสเตียน แวน วูเรน ติดเชื้อวัณโรคระหว่างเดินทางไปเที่ยวแอฟริกาใต้ ทำให้ถูกกักตัวอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมภายในโรงพยาบาลซิดนีย์นับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และต้องรักษาอาการด้วยการทานยาต้านเชื้อชุดใหญ่ (ความจริงเขาเคยถูกปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลครั้งหนึ่ง ในวันที่ 2 มกราคม แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกส่งตัวกลับเพราะอาการทรุดหนักลงอีกครั้ง ทั้งยังไอเป็นเลือดในห้องประชุม ทำให้ต้องอยู่แต่ในห้องกักกันโรคตราบจนกระทั่งทุกวันนี้)

ด้วยความที่รู้สึกเบื่อและต้องการฆ่าเวลา เขาเลยใช้วิธีติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกโดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนหน้าที่จะป่วยหนัก เขาไม่เคยเล่นเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ มายสเปซ และไม่เคยโพสต์คลิปลงยูทูปเลย ดังนั้น ช่วงแรกๆ เขาจึงติดต่อเพื่อนและญาติพี่น้องโดยผ่านทางโทรศัพท์และอีเมล์เท่านั้น

แต่พอเข้าโรงพยาบาลครั้งที่สอง แล้วพบว่าตัวเองต้องใช้ชีวิตในห้องสี่เหลี่ยมอีกอย่างน้อย 90 วัน เขาก็เริ่มสื่อสารกับผู้คนผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค จากนั้นก็เริ่มถ่ายทำคลิปสนุกๆ ของตัวเองโดยใช้ "แอปเปิ้ล แมคบุ๊ค โปร" ในการตัดต่อ แล้วทยอยนำมาโพสต์ลงในยูทูป โดยใช้ชื่อว่า "ฟูลลี่ ซิค แร็พเปอร์" (ปัจจุบันมี 11 คลิป)

แต่คลิปที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ เพลงที่เขาแร็พเกี่ยวกับประสบการณ์ในห้องกักกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (ที่นำมาให้ชมด้านบน) ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้าชมมากกว่า 4 แสนคน ส่วนในเฟซบุ๊ค และทวิตเตอร์ ก็มีแฟนๆ คอยติดตามและให้กำลังใจเขารวมแล้วเกือบ 1 หมื่นคน

ที่ผ่านมา มีสาวๆ เสนอตัวที่จะส่งรูปโป๊ของพวกเธอมาให้เขาดูเล่นแก้เซ็งหลายคน และมีผู้คนไม่น้อยที่ส่งข้อความให้กำลังมาให้ ทำให้แต่ละวันของเขาไม่น่าเบื่ออีกต่อไป และโปรเจ็คต่อไปของเขาก็คือการขายเสื้อยืดออนไลน์ โดยจะนำรายได้ทั้งหมดมอบให้แก่องค์การอนามัยโลก เพื่อนำไปใช้ในการต่อสู้กับวัณโรค

ถึงแม้ว่าเราจะได้เห็นเขาในภาพลักษณ์ที่สนุกสนาน (ในฐานะวิดีโอบล็อกเกอร์ และคนดังถูกสื่อต่างๆ สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์) แต่ความจริงแล้วเขาเป็นผู้ป่วยยังต้องต่อสู้กับโรคร้ายตามลำพังต่อไป โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่

หวังว่าเรื่องของเขาจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยทุกท่านมองโลกในแง่ดี มีกำลังใจในการต่อสู้โรคภัย และถ้าคิดหาอะไรสนุกๆ ทำได้ในระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล อย่าลืมนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ ทราบ เหมือนอย่างผู้ป่วยนักแร็พคนนี้